วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เคล็ด(ไม่)ลับ การดับคาวปลาง่ายๆ




วิธีการดับคาวปลา

      ปลาเป็นสัตว์ที่นิยมนำมาทำอาหาร เพราะปลานั้นมีคุณประโยชน์มากมาย แต่อย่างไรก็ตามปลาก็มีกลิ่นคาว ซึ่งเกิดจากสารเคมีต่างๆที่อยุ่ในปลา เช่น สารไทรเมทิลา สารไพเพอริดี หรือสารแอมโมเนียฉุนนั่นเอง ซึ่งเมื่อปลาตายแล้วสารเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นกลิ่นคาวที่ฉุน เราจึงมีวิธีการดับคาวปลาเพื่อทำให้อาหารดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น



การล้างปลา

      ให้นำปลาไปล้างในน้ำที่มี"มะนาว"ฝานเป็นชึ้นบางๆในอัตราส่วน น้ำ 1 ลิตรต่อมะนาว 1 ลูก ขอดเกล็ดแล้วควักไส้ออกมา จากนั้นนำไปล้างในน้ำผสมน้ำมะนาวอีกครั้ง ก่อนจะนำไปประกอบอาหาร
*นอกจากน้ำมะนาวแล้วยังสามารถใช้ น้ำเกลือหรือน้ำส้มสายชูในการล้างปลาก็ได้

การทอดปลา

      ให้นำน้ำส้มสายชูใส่บนเนื้อปลาพอประมาณทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วนำไปทอด จะทำให้ปลามีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้นอร่อยมากยิ่งขึ้น

การผัดปลา หรือ ยำปลา

      ให้ใส่ใบคึ่นฉ่ายลงไปประมาณ 1 กิ่ง  จะช่วยลดคาวจากปลา และทำให้ปลามีกลิ่นหมอน่ารับประทาน
 รวมทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย


     และสุดท้ายนี้คือการกำจัดกลิ่นคาวที่ติดภาชนะในการปรุงอาหารประเภทปลา นั่นคือ นำน้ำชาหรือกากที่ใช้ชงดื่มมาใส่ในภาชนะนั้นแล้วนำไปต้มให้เดือด จากนั้นล้างน้ำออกให้สะอาด น้ำชาจะช่วยดูดซับ
กลิ่นคาวจากปลาออกจากภาชนะได้


วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เคล็ด(ไม่)ลับ วิธีการแก้เผ็ด

ส่วนมากคงคิดว่าเป็นน้ำใช่มั้ยล่ะ ? แต่ที่จริงแล้วยิ่งดื่มน้ำตามต่างหาก          

ยิ่งจะทำให้เผ็ดยิ่งขึ้นไปอีก เพราะว่าน้ำจะไปกระจายความเผ็ดแทน

ส่วนวิธีการทำให้เผ็ดน้อยลงกว่าเดิมนั้นง่ายๆมากๆครับ ^^

1.  ให้รับประทานขนมปัง ลูกอม หรือจะดื่มนมแทนก็ได้ครับ เพราะตัวอย่างเหล่านี้จะมีความหวาน
     อยู่ในตัวซึ่งจะช่วยดูดซับสาร "แคปไซซิน" ที่ก่อให้เกิดความเผ็ด


                            

2.  ให้ดื่มน้ำมะนาวหรือน้ำมะเขือเทศสดๆก็ได้ครับ เพราะผลไม้เหล่านี้มี "กรด" ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยา
     กับสาร "แคปไซซิน" ซึ่งมีความเป็น "ด่าง" ทำให้ความเผ็ดมีฤทธิ์น้อยลงได้ครับ


                                   



      ทีนี้คงรู้แล้วสินะครับ ว่าวิธีการดื่มน้ำแก้เผ็ดนั้นนอกจากไม่ทำให้ความเผ็ดบรรเทาลงแล้ว
 มิหนำซ้ำยังไปช่วยเพิ่มความเผ็ดแทน ^^







วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของส้มตำ

ส้มตำคืออาหารพื้นบ้านจานโปรดของชาวอีสาน หรือเมนูสุดฮิตของคนทั่วประเทศ ถึงจะมีรสชาติที่แซบ ซี้ด ซ้าดดด แต่ก็แผงไปด้วยคุณประโยชน์

และในส้มตำหนึ่งจานมีประโยชน์ของผักต่างๆมากมาย
เรามาดูกันนะครับ ว่าส้มตำจะมีประโยชน์อะไรกันบ้าง

มะละกอ :  มีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ซึ่งช่วยในการ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
                 ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน

มะเขือเทศ : ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรค ภัยไข้เจ็บเช่น มะเร็ง  สามารถช่วยชลอความชราได้

 พริก : ช่วยในการเจริญอาหาร ขับเหงื่อ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ลดอาการปวดหลัง ปวดเอวและ
           อาการบวม สามารถช่วยในการลดน้ำตาลในเลือดได้

มะนาว : ช่วยป้องกันและต้านทานโรค แก้หวัด ลดไข้ ทำให้ร่างกายสดชื่นช่วยขับปัสสาวะ
              มีวิตามินซีและกรดซิตริก มีฤทธิ์แก้อักเสบ และยังช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันอีกด้วย

ถั่วผักยาว : มีวิตามินซีที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี และแร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส
                  มีกากใยอาหาร  เป็นยาบำรุงไต แถมยังช่วยลดโคเลสเตอรอลอีกด้วย

กระเทียม : ขับสารพิษ ฆ่าหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียแทบทุกชนิด ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว
                 ป้องกันมะเร็ง ระงับกลิ่นปาก และช่วยลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด




เห็นแล้วหรือยังครับว่า ส้มตำหนึ่งจานมีคุณประโยชน์มากมายจากพืชผักหลายชนิด 
ซึ่งทำให้สุขภาพนั้นแข็งแรงอีกด้วย ^^